วันนี้ 14 มิ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง อันดับ1. 2566 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ให้ความเห็นว่า หลักฐานที่ปรากฎออกมาส่วนตัวเขามองว่าค่อนข้างชัดเจนว่า มีขบวนการ เอาผิดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรื่องการถือหุ้นไอทีวี คือบันทึกผลการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
โดยนายวีระ เปิดข้อมูลใหม่ อ้างว่าเขาได้รับข้อมูลว่ามีการเปลี่ยนแปลงบันทึกผลการประชุมฯก่อนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคประชารัฐ จะไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับ กกต.เพียง 1 วัน
INTOUCH ออกหนังสือชี้แจงปม บมจ.ไอทีวีเป็นบริษัทย่อย
เปิดตัวคนในข่าวปมร้อน หุ้น ITV “นิกม์ แสงศิรินาวิน”
ขณะที่การถามคำถามของนายภาณุวัฒน์ หนึ่งในผู้ถือหุ้น ก็ยังมีสับสนขัดแย้งในตัวเอง ส่วนที่ตัวเขา เชื่อว่า เรื่องนี้มีขบวนการสมคบคิด เป็นเพราะไทม์ไลน์ ของผู้ที่มาเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีบังเอิญสัมพันธ์กัน โดย มีนายนิกม์ แสงศิรินาวิน สมาชิกพรรคภูมิใจไทย และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เป็น 2 คนที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้
นายวีระ บอกว่าแม้นายเรืองไกร และ นายนิกม์ จะยืนยันว่าไม่รู้จักกัน แต่ช่วงเวลาหรือไทม์ไลน์ที่ทั้งคู่ออกมาพูดถึง มันต่อเนื่องและบังเอิญสอดรับกัน
นอกจากนี้ นายวีระ ยังวิจารณ์ถึง กรณีที่ นายภาณุวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ บอกว่า เขาซื้อหุ้นไอทีวีต่อมาจากนายนิกม์ เพราะเป็นนักลงทุนมือใหม่อยากศึกษาการเล่นหุ้นมองว่า ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะ หากอยากลงทุนควรไปซื้อหุ้นกับบริษัทที่ยังดำเนินการอยู่ซึ่งมีราคามีโอกาสได้กำไรมากกว่าการมาซื้อหุ้นไอทีวี
ส่วนการตั้งคำถามในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของนายภาณุวัฒน์ ก็น่าตั้งข้อสังเกต ว่าพุ่งเป้าไปเรื่องการเมืองมากกว่าจะเป็นห่วงเรื่องการลงทุนของตัวเองและ การออกมาให้สัมภาษณ์ ของนายเรืองไกรช่วงแรก นายวีระ บอกว่า ดูเหมือนพยายามเน้นการเรื่องบันทึกการประชุมฯ ที่ระบุว่า ไอทีวียังดำเนินกิจการสื่ออยู่แต่หลังจากที่มีคลิปออกมาหักล้างกันนายเรืองไกรกลับเบี่ยงเบนประเด็น อ้างเรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญในการเอาผิดนายพิธา และไม่เคยตรวจสอบในประเด็นอื่น
ยิ่งไปกว่านั้น นายวีระ ยังอ้างอีกว่า เขาเชื่อว่า เรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่นักการเมือง ร่วมขบวนการ แต่น่าจะมีนายทุนที่เสียผลประโยชน์หากนายพิธา เป็นนายกฯ หรือพรรคก้าวไกล สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ร่วมอยู่ด้วย
ส่วนแนวทางการพลิกเกมฝั่งนายพิธา นายวีระ มองว่า หากนายพิธา ไม่ได้ทำอะไรผิด และ มีกระบวนสร้างหลักฐานเท็จ หรือพยายามล้มกระดานกันแบบดื้อๆ นายพิธา ก็ควรได้รับความเป็นธรรม
สำหรับคนที่กลั่นแกล้งก็ต้องได้รับโทษทางกฏหมายตามตรา 143 โดยหลักฐานที่สามารถนำไปประกอบการเอาผิดได้ คือบันทึกการประชุมฯ ที่มีการแก้ไขไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่หากพรรคก้าวไกล หรือ แม้แต่ตัวนายพิธาเอง มีแผลหรือมีข้อผิดพลาด ให้ฝ่ายตรงข้ามนำมาเป็นหลักฐานในการเอาผิดได้ ก็ต้องยอมรับในจุดนี้
นายวีระ ยังบอกอีกว่านอกจากจับตาดู ข้อสรุปเรื่องนี้ยังต้องจับตาดูว่าหลังจากนี้ ว่าฝ่ายที่พยายามขัดขวางนายพิธาหรือพรรคก้าวไกล ไม่ให้ตั้งรัฐบาลได้จะยกเรื่องอื่นมาเอาผิดอีกหรือไม่